วันอาทิตย์ที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2554

6 ชนิด บำรุงผิวสวย ยยยย *

     
      อยากมีผิวสวยเนียนกระชับวันนี้เรามีตัวอย่างอาหารเสริมบำรุงผิวมา ฝากคุณผู้หญิงทั้งหลายที่ใส่ใจในผิวพรรณและสุขภาพค่ะ 6 อาหารเสริมบำรุงผิว ที่เรากำลังจะแนะนำต่อไปนอกจากจะทำให้คุณมีผิวพรรณเปล่งปลั่งดูสุขภาพดีจาก ข้างในแล้วยังช่วยให้ผิวของคุณขาวขึ้นอย่างได้ผลจนคนรอบข้างอาจจะสะดุดตาไป เลยค่ะ 

อาหารเสริมบำรุงผิว


     และด้วยคุณสมบัติดังกล่าวที่มีอยู่ในอาหารเสริมเพื่อผิวสวยชั้นนำทรง ประสิทธิภาพ ให้ผลลัพธ์ที่ดีและรวดเร็วกว่าในการลดริ้วรอยหมองคล้ำเหี่ยวย่น พร้อมกับบำรุงผิวให้ขาวเนียน เปล่งปลั่ง กระจ่างใส ดูอ่อนวัย มีชีวิตชีวาอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน สารอาหารสำคัญที่มีคุณค่าจำเป็นต่อการบำรุงผิวครบถ้วนทั้ง 6 ชนิด ไม่ว่าจะเป็น

1. โปรตีนจากปลาทะเลลึก (Marine Protein)
แถบ ประเทศนอร์เวย์ประกอบด้วยอณูอะมิโนจำเป็นต่อร่างกาย 18 ชนิด และมีอณูอะมิโนชนิดพิเศษคือ Peptoaminoglycan ซึ่งมีคุณสมบัติในการช่วยเสริมสร้างเนื้อเยื่อคอลลาเจนและอิลาสตินทั้งด้าน ปริมาณและคุณภาพอันจะช่วยให้ผิวแต่งตึง เปล่งปลั่ง กระชับ เรียบเนียน และนวลนุ่มชุ่มชื่น

2. โคเอ็นไซม์คิวเทน (Coenzyme Q 10)
สาร อาหารช่วยเสริมพลังงานให้กับเซลล์ผิวต้านอนุมูลอิสระต้นเหตุของการเสื่อม สภาพและแก่ก่อนวัยของเซลล์ต่าง ๆ ทั้งยังช่วยลดและชะลอริ้วรอยเหี่ยวย่นก่อนวัยที่เกิดจากแสงแดดช่วยให้ผิวดู อ่อนเยาว์สดใสมีชีวิตชีวา

3. สารสกัดจากเปลือกสนมาริไทม์ฝรั่งเศส (French Maritime Pine Bark) เป็นสารต้านอนุมูลอิสระอย่างยิ่งยวด (Super Antioxidant) ช่วยต้านความชราของผิวพรรณยับยั้งการเกิดเม็ดสีที่ผิดปกติต้นเหตุของฝ้า กระ ความหมองคล้ำ ทำให้ผิวขาวเนียนสดใส และมีเลือดฝาด

4. วิตามินซี (Vitamin C)
สาร ต้านอนุมูลอิสระลดอาการหมองคล้ำ ความร่วงโรย เสริมสร้างปริมาณและความแข็งแรงของคอลลาเจน ช่วยให้โครงสร้างผิวพรรณแข็งแรงสุขภาพดีมีความยืดหยุ่นกระชับและขาวเนียนใส

5. วิตามินอี (Vitamin E)
สารต้านอนุมูลอิสระอีกตัวหนึ่งยับยั้งความเสื่อมชราของเซลล์ต่าง ๆ ช่วยให้ผิวพรรณเนียนนุ่มชุ่มชื่น สดใสและดูอ่อนวัย

6. สารสกัดจากชาเขียว (Green Tea Extract) มีสาระสำคัญคือ คาเตซินช่วยต้านอนุมูลอิสระทำให้กลไกในการฟื้นฟูสภาพผิวทำงานได้ดีสามารถขับถ่ายและล้างพิษออกจากร่างกายได้เร็วขึ้น   

เตรียมผิวสวยทุกครั้ง
     ผู้หญิงทุกคนก็คงอยากจะอวดผิวสาวที่ขาวนวล เปล่งปลั่ง เรียบเนียน และมีชีวิตชีวาแก่สายตาทุกคู่ในชีวิตประจำวันอยู่แล้ว  เพียงรับประทานอาหารเสริมที่มีส่วนผสมทั้ง 6 ชนิดดังที่กล่าวมา ร่วมกับกฎเหล็กในการดูแลความงามเหล่านี้

- อาบน้ำทุกเช้า-เย็น เพื่อปลุกเซลล์ผิวให้ตื่นตัวเปล่งปลั่ง

- ทามอยส์เจอไรเซอร์และครีมกันแดดขณะผิวหมาดจะทำให้โลชั่นซึมซาบสู่ผิวได้ดี

- กันหรือถอนคิ้วหลังอาบน้ำผิวจะอ่อนนุ่มรูขุมขนเปิดกว้างช่วยให้ถอนได้ง่ายขึ้น

- ลงรองพื้น 10 นาทีหลังอาบน้ำ เพราะน้ำมันตามธรรมชาติจะซึมออกจากผิวนิด ๆ ช่วยให้เกลี่ยรองพื้นได้ง่ายขึ้น

- แต่งตาควรปัดมาสคาร่าเป็นอันดับแรก เมื่อขนตาดูเข้มจะทำให้ใช้อายแชโดว์น้อยลงใบหน้าก็จะดูงดงามเป็นธรรมชาติยิ่งขึ้น

- ทาครีมบำรุงช่วงเวลา 3-4 ทุ่ม เป็นเวลาที่ผิวซ่อมแซมตัวเองรูขุมขนเปิดกว้างช่วยให้เนื้อครีมและโลชั่นซึมสู่ผิวได้ดีกว่าปกติ

- สร้างวินัยในการออกกำลังกาย หาเวลาทำกิจกรรมหรือออกกำลังกาย 15-30 นาทีทุกวัน

- ควบคุมการรับประทานให้ถูกต้องตามหลักโภชนาการ หลักง่าย ๆ ก็คือในแต่ละมื้อควรมีผักและผลไม้อยู่ครึ่งหนึ่งของอาหารที่รับประทานและ ดื่มน้ำให้ได้วันละ 8 แก้ว

- พักผ่อนเพียงพอ ด้วยการนอนหลับลืมเรื่องราวความเครียดต่าง ๆ ก่อนเข้านอนสงบจิตใจด้วยการละวาง

     และเพียงแค่ 4 สัปดาห์แรก คุณก็จะสามารถสัมผัสถึงความเปลี่ยนแปลงจากผิวที่เคยหมองคล้ำแห้งกร้านขาด ความชุ่มชื้น สู่ผิวที่ขาวเนียนสดใสเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวลแลดูอ่อนวัยได้อย่างชัดเจน

ขอขอบคุณข้อมูลจาก Lisa

ผลการวิจัยออนไลท์ +++


ศูนย์ผิวหนัง มศว ชี้ "กลูตา" ไม่ใช่สารพิษ-ควรทำวิจัยจริงจัง(โดย ผู้จัดการออนไลน์)

รายละเอียด : ผู้อำนวยการศูนย์ผิวหนังมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
ระบุสารกลูต้าไทโอนไม่ใช่สารพิษที่ประชาชนหลายคนเข้าใจตามกระแสข่าวที่เกิดขึ้นในระยะนี้
ทั้งยังเป็นสารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ทำให้ร่างกายเกิดความสมดุล
และยังเป็นตัวขจัดข้อเสียหรือสารพิษที่เข้าสู่ร่างกาย ฝากถึงนักวิจัยที่ทำงานด้านยาหรือการรักษา
หากต้องการใช้ยาประเภทกลูต้าไทโอน ควรจะได้ทำการวิจัยให้จริงจัง

ศ. นพ.ปิติ พลังวชิรา ผู้อำนวยการศูนย์ผิวหนังมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) กล่าวถึงสารกลูตาไทโอน (glutathione) ว่า คนไทยจำนวนไม่น้อยที่รู้สึกไม่ดีกับสารตัวนี้ คนจำนวนมากเข้าใจพิษคิดว่าสารตัวนี้เป็นสารพิษ ซึ่งในความเป็นจริงสารกลูตาไทโอนสารแอนติออกซิเดนซ์ หรือสารที่ต้านอนุมูลอิสระ ร่างกายมนุษย์จะได้รับสารชนิดนี้จากการบริโภคอาหารประเภทโปรตีน ไข่และนม รวมถึงผลไม้ประเภท อะโวคาโด และจะถูกเก็บไว้ที่ตับ

ทั้งนี้ สารกลูตาไทโอนนี้ เป็นสารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายทำให้ร่างกายเกิดความสมดุล โดยเฉพาะเมื่อร่างกายต้องรับสารอนุมูลอิสระเข้าไป สารต้านอนุมูลอิสระก็จะช่วยปรับให้สภาพร่างกายเกิดความสมดุล และยังเป็นตัวขจัดข้อเสีย หรือสารพิษที่เข้าสู่ร่างกาย ตั้งแต่สารปรอท ยาฆ่าแมลง หรือยาบางชนิดที่เราต้องกินเข้าไป และเหลือตกค้าง ตับจะทำหน้าที่ขับสารพิษออกมาโดยสารกลูต้าไทโอนมีบทบาทสำคัญ

ดังนั้น จึงอยากทำความเข้าใจว่า ยาที่มีส่วนส่วนประกอบของกลูตาไทโอนไม่ได้น่ากลัว ยาที่อยู่ในกลุ่มของยากินนั้นในต่างประเทศมีขายอยู่ตามร้านขายยาทั่วๆ ไป ในเมืองไทยสารกลูตาไทยโอนอยู่ในผลิตภัณฑ์เสริมสุขภาพ แต่ยาที่อยู่ในรูปของการฉีด เพื่อรักษาฝ้านั้นในเมืองไทยยังไม่มีการวิจัย จึงอยากฝากถึงนักวิจัยที่ทำงานด้านยาหรือการรักษา หากต้องการใช้ยาประเภทกลูต้าไทยโอน ควรจะได้ทำการวิจัยให้จริงจัง

“ ระดับกลูตาไทโอนของคนที่ป่วยด้วยโรคบางชนิด เช่น โรคทางสมอง อย่างพากินซัน โรคหัวใจบางชนิดหรือบางคนกินยาแก้ปวดอย่างพาราเซตามอลบ่อยๆ ความเครียด หรือคนที่ได้รับสารพิษบ่อยๆ ระดับกลูต้าไทโอนจะลดลง การกินยาที่มีสารประเภทกลูต้าไทโอนจะถูกซึมเข้าสู่ร่างกายได้น้อยกว่าการฉีด ซึ่งทำให้ผู้ที่ใช้ยาประเภทนี้นิยมฉีด

และที่สำคัญ ต้องฉีดเข้าเส้นเลือด ซึ่งต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์ที่มีความรู้ความชำนาญ นอกจากฉีดเข้าเส้นแล้วยังสามารถฉีดเข้ากล้ามเนื้อหรือใช้สูดดมได้อีกด้วย ขึ้นอยู่กับโรคในแต่ละโรคว่าเหมาะกับการใช้ยาชนิดนี้ด้วยวิธีการไหน

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยากลูตาไทโอนที่ใช้ในการรักษาฝ้านั้น ยังถือว่าผิดกฎหมาย
เพราะการนำเข้ายาประเภทนี้เข้ามายังไม่ได้ขึ้นทะเบียน อย.
และหากจะใช้ยาชนิดนี้เพื่อรักษาฝ้าควรจะนำเข้ามาให้ถูกกฎหมายและขึ้นทะเบียนยาให้ถูกต้องด้วย
ถ้าต้องนำมาใช้ในการรักษาฝ้าควรจะมีการค้นคว้าวิจัย
ซึ่งคนที่เป็นฝ้าจำนวนมากพอใจกับการรักษาด้วยยา กลูต้าไทโอน
เนื่องจากกลูต้าไทโอนจะไปเปลี่ยนยูเมลานินซึ่งเป็นสีผิวที่คล้ำ ให้กลายเป็นฟีโอเมลานิน ซึ่งจะทำให้สีผิวจางหรือขาวขึ้น

แพทย์เตือน!! ฉีดสารหน้าใส กลูตาไธโอน อันตรายถึงเสียชีวิต
ข่าว รายงาน เลขาธิการ อย.เตือนอันตรายยารักษา มะเร็ง หรือสาร กลูตาไธโอน ฉีดเพื่อให้ผิวขาว ทำ สุขภาพ แย่ เสี่ยงช็อคถึงกับเสียชีวิต ยืนยันยามะเร็ง กลูตาไธโอน ยังไม่ได้ขึ้นทะเบียนในประเทศไทย ผอ.สถาบันโรคผิวหนังวอนคนไทยพึงพอใจกับผิวเหลือง ตาสีดำ ชี้มีข้อดีช่วยป้องกัน มะเร็งผิวหนัง

นพ.ศิริวัฒน์ ทิพย์ธราดล  เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กล่าวว่าความนิยมผิวขาวใสของสังคมยุคนี้ ทำให้หนุ่มสาวรุ่นใหม่เสาะแสวงหาสารพัดวิธีที่จะทำให้ผิวขาว หลงเชื่อการโฆษณาอวดอ้างตามสื่อต่างๆ ว่ามียาหรือเครื่องสำอางทำให้หน้าขาวใส แม้กระทั่งการฉีดยารักษาโรคมะเร็งที่มีสารกลูตาไธโอนเข้าเส้นเลือด หวังผลข้างเคียงของยาไปยับยั้งการสร้างเม็ดสีที่ผิวหนัง เพื่อให้ผิวขาว โดย หารู้ไม่ว่า การได้รับสารปริมาณมาก มีอันตรายถึงชีวิต อีกทั้งยาตัวนี้ยังไม่ได้ขึ้นทะเบียนยาตัวนี้ในไทย พบข้อมูลว่า ขึ้นทะเบียนที่ประเทศอิตาลีเพื่อรักษาโรคมะเร็ง ไม่มีสรรพคุณทำให้ผิวขาว
"สารกลูตาไธโอนประกอบด้วยกรดอะมิโนเอซิด3 ชนิด คือ Cysteine Glycine Glutamic acid มี หน้าที่หลักในการช่วยขจัดสารพิษจากร่างกาย ช่วยตับขับสารพิษออกจากร่างกาย โดยเฉพาะสารโลหะหนักจำพวกยาฆ่าแมลงที่ไม่สามารถละลายในน้ำ แต่ละลายในน้ำมัน เป็นสารในช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระทำงานร่วมกับวิตามินซี ช่วยซ่อมแซมดีเอ็นเอในร่างกายที่จะเปลี่ยนแปลงเป็นเซลล์มะเร็ง ยับยั้งการสร้างเม็ดสีชนิดสีเข้ม จึงมีผู้นำผลข้างเคียงของยามาเชิญชวนคนฉีด" นพ.ศิริวัฒน์ กล่าวและว่า หากพบการลักลอบจำหน่าย ถือว่า มีความผิดตาม พ.ร.บ.ยา ฐานโฆษณาเกินจริง มีโทษปรับถึง 100,000 บาท นอกจากนี้ ยังเป็นการขายยาที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียน มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 5,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ด้าน นพ.จิโรจน์ สินธวานนท์ ผู้อำนวยการสถาบันโรคผิวหนัง กรมการแพทย์ กล่าวว่าตาม หลักกลไกการออกฤทธิ์ของยาตัวนี้ คือทำให้เซลล์สร้างเม็ดสีที่ผิวหนังทำงานลดลงทำให้ผิวขาวขึ้นได้ แต่ในทางปฏิบัติยังไม่มีงานวิจัยหรือผลการศึกษาใดๆ มารองรับ ดังนั้น การใช้ยากลูตาไทโอนเพื่อหวังผลข้างเคียงทำให้ผิวขาวจึงไม่สามารถบอกได้ว่า ได้ผลหรือไม่ ระยะยาวจะมีผลเสียอย่างไร ที่สถาบันโรคผิวหนังไม่มีการใช้ยาตัวนี้ ที่ผ่านมามีรายงานทางการแพทย์ว่า ยากลูตาไทโอนชนิดเม็ดใช้ในผู้ป่วยที่มีปัญหาการทำงานของตับ แพทย์สั่งให้รับประทานเพื่อฟื้นฟูสภาพตับทำให้ขับสารพิษได้ดีขึ้น แต่ยังไม่มีรายงานว่า กินแล้วผิวขาว

ตนอยากให้คนไทยมีภูมิคุ้มกันรู้และเท่าทันการโฆษณาอวดอ้าง อีกทั้งอยากให้ยอมรับสภาพผิวเหลือง ตาสีดำ ถือว่าสอดคล้องกับสภาพภูมิอากาศประเทศไทยที่มีแสงแดดจัดตลอดทั้งปี อีกทั้งผิวสีเข้มมีประโยชน์ ช่วยป้องกันมะเร็งผิวหนัง ขอวิงวอนคนไทยพึงพอใจกับสิ่งที่ธรรมชาติให้มา แม้จะเป็นหนุ่มสาวผิวเข้มก็สวยหล่อได้ ขอเพียงให้ผิวนั้น สะอาดเนียนใสตามธรรมชาติ ไม่ใช่หน้าขาวกระดำกระด่างเพราะสารเคมีในยา หรือเครื่องสำอางกัดลอกผิวหน้า

นพ.สมศักดิ์ โล่ห์เลขา นายกแพทยสภา กล่าวว่า กรณีที่มีแพทย์ผิวหนังนำสารกลูตาไธโอนมาฉีดเพื่อให้ผิวขาว ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมขณะนี้ โดยสารดังกล่าวยังไม่มีการขึ้นทะเบียนจาก อย.นั้น ในเรื่องนี้แพทยสภาขอเวลาในการตรวจสอบข้อมูลก่อนว่า สารดังกล่าวมีการนำมาใช้ในไทยหรือไม่ และต่างประเทศใช้ในลักษณะใด หรือมีการตีพิมพ์ผลการใช้ในวารสารทางการแพทย์อย่างไร นอกจากนี้ แพทยสภายังต้องสอบถามไปยังราชวิทยาลัยที่เกี่ยวข้องเพื่อขอความเห็นเกี่ยว กับเรื่องนี้ ซึ่งคงไม่สามารถให้คำตอบในทันทีว่าจะดำเนินการอย่างไร เพื่อ ความเป็นธรรม ปัจจุบันต้องยอมรับว่า มียาหลายชนิดที่แพทย์นำผลข้างเคียงมาใช้กับผู้ป่วย เช่น ยาแก้แพ้ ก็มีการสั่งนำมาใช้กับผู้ป่วยที่มีอาการคันตามร่างกาย เพื่อให้นอนหลับไปและไม่คัน

เตือน !!!!!!!! สาว อยาก ขาว ....

เอามาให้อ่านเพื่อเตือน!!!!

  
    กระแส ความนิยมผิวขาวใสของสังคมยุคนี้ ทำให้หนุ่มสาวรุ่นใหม่เสาะแสวงหาสารพัดวิธีจะทำให้ผิวขาวจนหลงเชื่อคำโฆษณา อวดอ้างตามสื่อต่าง ๆ ว่ามียาหรือเครื่องสำอางทำให้หน้าขาวใส ผิวขาวสวย แม้กระทั่งการฉีดยารักษาโรคมะเร็งที่มีสาร “กลูต้าไธโอน” เข้าเส้นเลือด หวังให้ยับยั้งการสร้างเม็ดสีที่ผิวหนังเพื่อให้ผิวขาวใส โดยหารู้ไม่ว่าเป็นผลดีหรือผลร้ายและมีผลข้างเคียงระยะยาวอย่างไร...?
ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกับ “สารกลูต้าไธโอน” กัน เสียก่อน
กลู ต้าไธโอน (Glutathione) เป็นสารจากธรรมชาติที่อยู่ในร่างกายที่ร่างกายสามารถสังเคราะห์ได้เอง โดยปกติเซลล์ในร่างกายสามารถสร้างเองได้จากกระบวนปฏิกิริยาชีวเคมีในเซลล์ ทั่วไป ทำหน้าที่ในการ ขจัดสารพิษในร่างกาย ต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant) ที่เกิดจากแสงแดด มีการกระทบกระเทือนหรือมีบาดแผล กลูต้า ไธโอนก็จะขจัดออกไป จึงช่วยป้องกันชะลอความแก่ ริ้วรอยเ่ยวย่นจากวัยที่มากขึ้น และป้องกันภาวะเสื่อมของเซลล์ที่อาจจะเกิดโรคมะเร็ง กระตุ้น  ภูมิคุ้มกันในร่างกาย (Immune Enhancer) โดยกระตุ้นการ   ทำงานของเอนไซม์หลายชนิด  เพื่อให้ร่างกายต่อต้านสิ่งแปลกปลอมรวมทั้งเชื้อแบคทีเรียและไวรัส

  และ ผลพลอยได้ที่พบคือสามารถ ทำให้สีผิวขาวขึ้นได้ โดยอาศัยกลไกการทำงานที่มีคุณสมบัติในการไปยับยั้งการทำงานของเม็ดสี ผลลัพธ์คือทำให้สีผิวขาวขึ้นได้ระดับหนึ่งแต่ก็เกิดขึ้นไม่ถาวร จากคุณสมบัตินี้ทำให้มีการสังเคราะห์สารตัวนี้ ขึ้นมาเป็น ผงสีขาว โดยมีการ นำไปผสมกับวิตามินซีและผลิต  ออกมา ใช้ฉีด ทาและรับประทาน ปัจจุบันผลิตมากในต่างประเทศ เช่น อิตาลี ญี่ปุ่น  เกาหลี จนกระทั่งมีแพร่หลาย และเป็นที่นิยมในหมู่วัยรุ่นหนุ่มสาวในประเทศไทย ซึ่งทางสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ถือว่าเป็นเรื่องที่อันตรายเพราะสารดังกล่าวไม่ได้ยื่นขออนุญาตหรือขอจด ทะเบียนกับทาง อย.

การใช้สารกลูต้าไธโอนในการเพิ่มความขาวนั้น  วิธีทาและรับประทานไม่ค่อยเห็นผล จึง นิยมใช้วิธีฉีดเข้าเส้นเลือดดำจะเห็น ผลเร็วกว่า ปัจจุบันราคาเข็มละ  1,500-4,500 บาท โดยต้องฉีดต่อเนื่องหลายเข็มในปริมาณที่มากแล้วแต่ทางคลินิกจะจัดเป็นคอร์ส เมื่อฉีดแล้วสารกลูต้าไธโอนจะไปยับยั้งการสร้างเม็ดสีทำให้ผิวขาวใสเหมือน ฝรั่ง แต่เมื่อเลิกใช้เม็ดสีผิวจะทำงานตามปกติและสีผิวเราก็จะกลับเป็นเหมือนเดิม ตามเผ่าพันธุ์ที่เป็นมาแต่กำเนิด และการที่เราไปหยุดการสร้างเอนไซม์เม็ดสีที่เป็นธรรมชาตินาน ๆ เกิดผลข้างเคียงระยะยาวอย่างแน่นอน คือ ทำให้ผิวคนเอเชียจากที่เคยกรองแสงอัลตราไวโอเลตได้มากก็ทำให้กรองได้ลดลง ทำให้ผิวจะไวต่อรังสียูวีมากขึ้น และได้รับอันตรายจากแสงแดด ทำให้เกิดฝ้า กระ หรือมะเร็งผิวหนังได้ง่าย รวมทั้งเกิดอาการผิวหนังเ่ยวและแก่ก่อนวัย

“ที่ สำคัญผิวหนังเรามีอยู่ทั่วทั้งร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นผิวหนังลูกตา ซึ่งเป็นเซลล์สีในการสร้างเมลานินรับภาพและถ้ามีการยับยั้งเป็นเวลานานจะทำ ให้ม่านตาเสื่อม และอาจจะทำให้จอประสาทตาไวต่อแสงมากขึ้น ทำให้การมองเห็นผิดปกติได้ นอกจากนี้ยังมีอวัยวะอื่นอีก เช่น หู สมอง ที่เป็นผิวหนัง หากเซลล์ผิวที่หูและสมองเสื่อมจะทำให้หูตึง สุดท้ายเป็นอันตรายถึงกับเยื่อบุสมองเสื่อม นี่เป็นผลข้างเคียงระยะยาว    ที่เชื่อว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต 5-10 ปี หากใช้ต่อเนื่อง แต่ตอนนี้ยังไม่เห็นผล เพราะสารกลูต้าไธโอนเพิ่งจะมีการผลิตและนำมาใช้ได้ไม่นาน” 

คลินิก สถาบันเสริมความงามชื่อดังแห่งหนึ่งเปิดให้บริการฉีดยาเพิ่มผิวขาว โดยเชื่อว่าการ ฉีดกลูต้าไธโอน เพื่อให้ผิวขาว  เป็นการฉีดเข้ากระแสเลือดฟอก  จากข้างในสู่ภายนอก แพทย์  หญิงคลินิก สถาบันเสริมความงามแห่งนี้ บอกว่า ฉีดเข็มแรกจะเห็นว่าหน้าจะสดใสไร้สิวขึ้น เพราะที่คลินิกจะใช้กลูต้าไธโอนผสมกับคอลลาเจนและวิตามินซี ลูกค้าจะนิยมซื้อเป็นคอร์สเนื่องจากจะคุ้มกว่า ราคาอยู่ที่ครั้งละ 1,500 บาท ฉีดอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้งต่อเนื่อง 10 สัปดาห์ หลังจากนั้น 2 สัปดาห์ต่อครั้ง ลูกค้าส่วนใหญ่จะกลับมาใช้บริการต่อเนื่องเพราะเห็นความเปลี่ยนแปลง คือ ขาว กระจ่างใสขึ้น

“เมื่อฉีดยาแล้วสามารถกินอาหาร และทาครีม โลชั่นได้ตามปกติ นอกจากนี้ยังมีทางเลือกใหม่สำหรับลูกค้าที่กลัว  เข็ม คือการกินยากลูต้าไธโอน     สังเคราะห์แบบเม็ด กินวันละ 2 เม็ด เช้า-เย็น ได้ผลดีเช่น   กัน แต่เห็นผลช้ากว่าแบบฉีด ปัจจุบันมีในรูปแบบของการผสมน้ำดื่มหลากรสชาติ” คุณหมอคลินิกดังกล่าวแนะนำ

สำหรับ ผู้ที่อยากมีผิวขาวและเลือกใช้บริการฉีดยาเพิ่มขาว นายเป็นหนึ่ง ชัยฤกษ์ หรือหนุ่ย อายุ 32 ปี อาชีพ make up artist ด้วยอาชีพที่เกี่ยวข้องกับความสวยความงาม เขาจึงเลือกที่จะสวยด้วยการฉีดกลูต้าไธโอน โดยที่ไม่ทราบผลเสียว่าเป็นอย่างไร

“ตอนที่ทำรู้สึกไม่กลัวเลย ขอแค่ให้ออกมาสวยก็พอ ก่อนทำได้ศึกษาข้อมูลจากหนังสือทั่วไปและลองไปสอบถามร้านเสริมความงามหลาย ร้าน ซึ่งราคาก็จะเท่า ๆ กันอยู่ที่เข็มละ 1,550 บาท มี 2 ซีซี หมอแนะนำให้ฉีดสัปดาห์ละครั้ง หรือ สองครั้งต่อสัปดาห์ หลังจากฉีดเสร็จหมอจะแนะนำให้กินยาต่อเพื่อช่วยให้มันไม่กลับสู่สภาพเดิม เป็นยาเม็ด กินวันละสองเม็ด เช้า-เย็น จึงตัดสินใจทำ ตอนนี้ฉีดยาเพิ่มขาวมาได้สองสัปดาห์แล้ว รู้สึกขาวเนียนขึ้นก็จริง แต่มีผลข้างเคียงคือฉีดแล้วรู้สึกว่าหน้าช้ำมาก”

การฉีดผิวขาวมีมา ปีกว่าแล้ว แต่ช่วงนี้นิยมมากเพราะผิวขาวเทรนด์ญี่ปุ่น เกาหลีกำลังมาแรง แต่ผมว่าการหันมาดูแลตัว เอง สวยจากธรรมชาติด้วยการ กินอาหารดีมีประโยชน์ ดื่มน้ำมาก ๆ ออกกำลังกายดูแลสุขภาพเราเองก็น่าจะได้ผลลัพธ์ที่ดีไม่แพ้กัน

ความ ขาวมีประโยชน์อย่างไร..? เพียงแค่เป็นค่านิยมที่เชื่อกันว่าถ้าผิวขาวแล้วจะสวยแค่นั้นหรือที่เรายอม เอาตัวเข้าเสี่ยงโดยไม่มองถึงผลเสียที่จะตามมาและเสียเงินโดยใช่เหตุ ทำไมเราไม่เปลี่ยนความคิดหรือค่านิยมบ้างว่าผิวคล้ำก็สวยได้ เช่น ผิวที่สวยคือผิวที่มีสุขภาพดีไม่เป็นโรค.
เข้าไปศึกษาดูเพิ่ม

http://talk.mthai.com/topic/62800

http://www.jeban.com/viewtopic.php?t=39380

วันเสาร์ที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2554

27 วิธี หนทางสู่ผิวขาว

    วันนี้มีวิธีทำหัยผิวขาวมาฝากจาก ซึ่งเปนวิธีที่ง่าย มากๆๆ และประหยัดสุดๆ เหมาะกับยุคเศรษฐกิจตอนนี้มากมาย 555++ รับประกันไม่เป็นอันตรายใดๆทั้งสิ้นจร้า าาาา >____<




    1. การขัดผิว (Exfoliating) หมายถึง การขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกไปจากผิวหน้า รากศัพท์ของมันมาจากคำว่า "foliage" ซึ่งแปลว่าใบพืช เป็นที่ทราบกันดีแล้วว่า อิพิเดอร์มิส (Epidermis) หรือผิวชั้นนอกเกิดขึ้นมาโดยผ่านกระบวนการสร้างจนมาเติบโตเต็มที่อยู่ชั้นบน สุดของผิวหนัง โดยเซลล์ที่ อยู่ล่างสุดของชั้นนี้ที่เรียกว่า เซลล์แรกเริ่ม (Basal Cells) จะสร้างเซลล์ลูกซึ่งจะเคลื่อนตัวขึ้นไปจนกลายเป็นผิวชั้นนอก เซลล์เหล่านี้มีหน้าที่เป็นตัวกั้นระหว่างร่างกายเรากับสิ่งแวดล้อมภายนอก ทั้งยังช่วยเก็บรักษาความชุ่มชื้นภายในและป้องกันสิ่งแปลกปลอมที่จะเข้าสู่ ผิว หลังจากเซลล์ใหม่ที่แข็งแรงกว่า อยู่ประจำที่บนชั้นผิวหนังแล้ว เซลล์ผิวเก่าก็จะหลุดลอกออกโดยธรรมชาติ หากยังตกค้างอยู่บนผิวก็จะทำให้ผิวดูไม่มีชีวิตชีวา และดูเป็นสะเก็ด การขัดหน้าจึงเป็นทางเลือกหนึ่งในการกำจัดเซลล์เก่าที่บดบังความสดใสนั่นเอง

          2. ผลิตภัณฑ์ที่ใช้สำหรับการขัดผิ ก็ได้แก่ ฟองน้ำขัดรูปแบบต่างๆ เช่น ใยบวบ หรือครีม เช่น เอเอชเอ แม้กระทั่งผ้าเช็ดตัวก็สามารถใช้ขัดผิวได้ การขัดผิวอย่างนุ่มนวลจะช่วยให้ผิวของคุณดูชุ่มชื่นและใสกระจ่าง

          3. ควรหลีกเลี่ยงการขัดผิวด้วยวิธีรุนแรง และ หากขัดมากเกินไป ก็อาจรบกวนหน้าที่ในการสกัดกั้นสิ่งแปลกปลอมของผิว รวมถึงทำให้ผิวอ่อนไหวมากขึ้นจนเกิดความแห้งกร้าน ไหม้แดด หรือปัญหาอื่นๆ ได้ง่าย

          4. ถ้าไม่กำจัดออกไป ผิวจะเกิดการอุดตันและหายใจไม่ได้ ผลก็คือ ผิวจะหม่นหมอง ดูแล้วมีความมัน หรือบางทีอาจทำให้เกิดสิวอุดตัน รวมทั้งทำให้กระบวนการไหลเวียนของโลหิตใต้ผิวไม่ดี ทำให้ของเสียเกิดการสะสมตัว

          5. ถ้าต้องการขัดผิวหน้า ก็ควรทำอาทิตย์ละ 1-2 ครั้ง และขัดผิวกายเดือนละ 1-2 ครั้ง แต่ถ้าใครมีเซลลูไลท์ แนะนำให้ขัดผิวบริเวณส่วนนั้นทุกวัน โดยใช้ถุงมือผ้าที่ใช้สำหรับอาบน้ำนวดขัด เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด และกำจัดของเสียออกทางระบบน้ำเหลือง
 
          6. วิธีการขัดผิวที่ถูกต้อง สิ่งที่ต้องมีคือ ฟองน้ำสำหรับขัดผิวกาย ถุงมือผ้า อาบน้ำหรือใยบวบ และผลิตภัณฑ์ขัดผิว เลือกให้เหมาะกับสภาพผิว ถ้าไม่แน่ใจลองปรึกษาคนขาย
 
          7. เริ่มต้นที่ทำผิวเปียก นำผลิตภัณฑ์ขัดผิวเทใส่ใยบวบ ฟองน้ำ หรือถุงมือ แล้วทาลงบนผิวเบาๆ นวดผลิตภัณฑ์บนผิวด้วยการวนมือเป็นลักษณะวงกลมเบาๆ เพื่อเป็นการกระตุ้นระบบไหลเวียน ใช้น้ำล้างออกให้สะอาด ซับให้แห้ง แล้วทาครีมบำรุงผิวที่ให้ความชุ่มชื้นในขณะที่ผิวยังชื้น
 
          8. ผลิตภัณฑ์สำหรับขัดผิวควรเลือกที่เป็นครีมหรือเจล เนื้อครีมควรมีลักษณะเป็น เม็ดกลม เพื่อปกป้องผิวจากการระคายเคือง หรือเป็นแผลถลอก ขณะที่ขัดนวดผิวบริเวณนั้นควรมีความชื้นพอหมาด แล้วล้างออกด้วยน้ำมากๆ

          9. ใยบวบ หรือใยขัดธรรมชาติ เป็นอุปกรณ์ขัดผิวที่มีประสิทธิภาพมาก แต่ถ้าออกแรงขัดมากเกินไป อาจทำให้แสบผิวได้ เพราะใยเหล่านี้มีลักษณะสาก และหยาบ เวลาขัด จึงควรขัดเบาๆ ไปทั่วร่างกายขณะอาบน้ำ และเมื่อใช้เสร็จแล้วควรล้างทำความสะอาดและผึ่งให้แห้ง

          10. การใช้ผ้าสำหรับถูตัว หรือฟองน้ำถูตัวเวลาอาบน้ำ ก็เป็นอีกวิธีการหนึ่งของการขัดผิว โดยใช้ร่วมกับสบู่ หรือเจลอาบน้ำก็ได้

          11. เลียนแบบจากสปาชั้นนำ โดยการใส่น้ำให้เต็มอ่าง เติมเกลือเม็ดลงไป และเวลาที่ลงไปแช่ตัวอยู่ในอ่างให้ใช้เกลือ 1 กำมือ ขัดไปมาเบาๆ ให้ทั่วตัว และล้างตัวด้วยน้ำสะอา

          12. แปรงแปรงผิวสามารถใช้ได้ดี โดยขัดเบาๆ บนผิวที่แห้งก่อนอาบน้ำ เพื่อขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วให้หลุดไป หรือจะใช้ในขณะอาบน้ำร่วมกับสบู่ หรือเจลอาบน้ำก็ได้

          13. การปรนนิบัติผิวให้นุ่มนวลขึ้นภายในระยะเวลาอันสั้น ควรเริ่มด้วยการใช้น้ำมันนวดผิวก่อนอาบน้ำ จากนั้นจึงเข้าสู่ขั้นตอนของการขัดผิว เพื่อช่วยปรนนิบัติ ผิวสะอาดหมดจด สวยเนียนสดใสไปอีกนานๆ

          14. เราสามารถทำครีมขัดผิวใช้เอง โดยการใช้เกลือเม็ดเล็กๆ ผสมกับน้ำมันทาผิว (Baby Oil) หรือน้ำมันมะกอกทาทั่วตัวทิ้งไว้ประมาณ 1 นาที นวดให้ทั่ว แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด

          15. สครับสำเร็จรูปมักมีลักษณะคล้ายๆ กัน คือมีบีด (bead) ซึ่งอาจทำจากเกลือ, น้ำตาล, อัลมอนด์ ฯลฯ ช่วยในการขัดผิว มีน้ำมันช่วยหล่อลื่นมีกลิ่นหอม อีกทั้งมีส่วนประกอบในการบำรุงผิวอีกหลายชนิด

          16. เราสามารถทำสครับใช้เองง่ายๆ ด้วย การใช้ผักผลไม้ชนิดที่มีคุณสมบัติครบถ้วน ในตัวเดียว คือมีผิวสัมผัสที่ให้ความหยาบเล็กน้อย แต่ต้องไม่ถึงกับให้ผิวระคายเคือง มีน้ำช่วยหล่อลื่นและมีวิตามินตรงกับความต้องการ

          17. มะขามเปียก, สับปะรด มีเส้นใยช่วยขจัดขี้ไคล มีความเป็นกรด ช่วยทำความสะอาดผิว ทำให้ผิวขาวใส มีวิตามินซึ่งเป็นแอนติออกซิแดนท์สูง มะละกอมีเอนไซม์อ่อนๆ ช่วยขจัดเซลล์ที่ตายแล้ว วิตามินสูง แต่เนื้อมีความละเอียดมาก มะนาวเป็นกรด เหมาะใช้กับผิวส่วนที่หยาบกร้าน เช่น ข้อศอก, ส้นเท้านุ่มขึ้น แตงกวาช่วยให้ผิวสดชื่น มะพร้าวขูดมีน้ำมันช่วยบำรุงผิว แต่ถ้าคุณเป็นคนผิวแห้งมากต้องระวัง ลองใช้ส้มเช้งมีคุณสมบัติ คล้ายสองชนิดแรก แต่ไม่เป็นกรดมาก

          18. ถ้าคุณเลือกส่วนผสมหลักที่มีความพร้อมในตัวเดียว เช่น มะขามเปียกก็สามารถ นำมาสครับได้เลย แต่ถ้าเลือกมะละกอก็ควรหาสิ่งที่เป็นบีดเพิ่มเข้าไปด้วย เพราะบีดช่วยเพิ่มความสากในสครับ ทำให้สามารถขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วได้ง่ายขึ้น

          19. เพื่อความปลอดภัยควรเลือกสิ่งที่อยู่ในครัวเรือนและมีโอกาสแพ้น้อยที่สุด เช่นเกลือมีฤทธิ์ช่วยสมานผิว, ข้าวสารบดละเอียดช่วยให้ผิวขาว, น้ำตาลทรายมีทั้งความสากและความหนืดอยู่ในตัวเอง, งาเนื้อไม่หยาบเกินไป มีน้ำมันอยู่ในตัวช่วยลดความระคายเคือง และกาแฟกระตุ้นให้ร่างกายขับสารพิษ สิ่งที่ควรระวังคือบีดบางชนิดมีเหลี่ยมคม จึงต้องนำมาบดให้ละเอียดก่อนนอกจากนั้นอาจเพิ่มน้ำมันลงไปเพื่อช่วยลดการ เสียดสี

          20. ถ้าคุณมีผิวมัน ใช้มะขามเปียกหรือสับปะรดซึ่งมีความเป็นกรดช่วยขจัดความมันผสมกับเกลือ มีฤทธิ์ช่วยสมานผิว เติมโยเกิร์ตช่วยบำรุงผิวก็ได้
 
          21. ถ้าคุณมีผิวแห้ง ใช้ส้มเช้งเป็นส่วนผสมหลัก...ปอกเปลือกแล้วหั่นเป็นแว่นพอจับถนัดมือ ใส่งาขาวเป็นตัวช่วยขัด เพิ่มน้ำมันมะกอกเล็กน้อยลดความระคายเคือ

          22. ถ้าคุณมีผิวแพ้ง่า ใช้แค่งาขาว, งาดำผสมน้ำผึ้งหรือโยเกิร์ตก็พอ

          23. การใช้น้ำมัน จุดประสงค์สำคัญคือช่วยหล่อลื่น และเป็นตัวช่วยลดความเข้มข้นของกรดสำหรับคนผิวแห้งเช่น ถ้าคุณต้องการใช้สับปะรดขัดผิว แต่เกรงว่าผิวจะแห้ง เกินไป การเพิ่มส่วนผสมน้ำมันก็เป็นทางเลือกที่ดี เพราะนอกจากช่วยให้ลื่นแล้ว น้ำมันยังช่วยเคลือบผิวไม่ให้มีการสูญเสียน้ำมากเกินไป

          24. การเพิ่มนม, โยเกิร์ต, น้ำผึ้ง หรืออื่นๆ ที่ช่วยบำรุงผิว สามารถทำได้ แต่ต้องดูไม่ให้สครับข้นหรือเหลวเกินไป ลักษณะของสครับที่ดีควรมีความหนืดเล็กน้อย จับตัว อยู่บนผิวได้ และสะดวกแก่การขัด

          25. ใครที่ชอบความหอมรื่นรมย์ สามารถเสริมกลิ่นด้วยการหยดน้ำมันหอมระเหยกลิ่นที่ชอบลงไป 2-3 หยด ซึ่งต้องเป็นน้ำมันหอมระเหยสำหรับนวดตัว ซึ่งมักผสมที่ความเข้มข้นประมาณ 2 เปอร์เซ็นต์ ไม่ใช่สำหรับใส่เตาเผาน้ำมันเพราะน้ำมันหอมระเหย เข้มข้นจะทำให้ผิวไหม้

          26. คนที่มีโรคเกี่ยวกับต่อมน้ำเหลือง เช่น ต่อมน้ำเหลืองอักเสบรุนแรง, ต่อมน้ำเหลือง-โต, มีแผลเป็นหนอง หรือแม้แต่เป็นสิวอักเสบ ควรงดการสครับชั่วคราวจนกว่าจะหายเพราะการขัดเป็นการกระตุ้นให้อักเสบมาก ขึ้น

          27. ถ้าจะสครับหน้าต้องใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนที่สุด ขัดอย่างเบามือเพื่อกระตุ้นน้อยๆ เน้นไปที่ร่องจมูก เลี่ยงจุดที่บอบบางมากๆ เช่น รอบดวงตา
  


ขอขอบคุณข้อมูลจาก
 
http://women.kapook.com/view742.html

อีกมุม ของ "กลูต้า"

กลูตาไธโอน ชื่อนี้มีความหมาย



        ขึ้นชื่อว่าความสวยความงาม ย่อมเป็นที่สนอกสนใจของสาว ๆ อยู่แล้ว ยิ่งถ้ามีอะไรที่มาช่วยทำให้ผู้หญิงเราสวยขึ้นแล้วล่ะก็ เป็นอันต้องตาลุกวาวเรื่อยไป

        ก่อนหน้านี้ ก็มีข่าวฮิตกินวิตามินเสริมให้ผิวขาวสวยใส มาตอนนี้กระแสของการทำให้ผิวขาวสวยได้เร็วยิ่งกว่าการกิน นั่นคือการฉีดสารที่ทำให้ผิวเราขาวขึ้น สารที่ว่านั้น ก็คือ กลูตาไธโอนที่เราจะพูดถึงวันนี้นี่เอง

กลูตาไธโอน สารต้านอนุมูลอิสระชั้นยอด     สารกลูตาไธโอนเกี่ยวข้องกับสารต้านอนุมูลอิสระอย่างไร ก่อนต้องต้องขออธิบายถึงลักษณะทางเคมีและหน้าที่สำคัญของเจ้าสารชนิดนี้เสีย ก่อน

    กลูตาไธโอนเป็น สารประกอบด้วยกรดอะมิโน 3 โมเลกุล ที่รู้จักกันว่า ไตรเพปไทด์ (Tripeptide) ได้แก่ Cysteine, Glycine และ Glutamic acid ทำหน้าที่หลัก คือ การสร้างเอนไซม์เพื่อกำจัดสารพิษ และช่วยตับขับสารพิษในร่างกายให้ดีขึ้น ทำหน้าที่ช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ นั่นคือการต้านปฏิกิริยาออกซิเดชั่น อีกทั้งยังช่วยกระตุ้นการทำงานของภูมิคุ้มกันร่างกาย ให้ทำงานได้อย่างประสิทธิภาพมากขึ้น รวมถึงการต่อต้านสิ่งแปลกปลอมต่าง ๆ อย่าง เชื้อไวรัส แบคทีเรีย ที่จะเข้าสู่ร่างกายเราด้วย

กลูตาไธโอนมาจากไหน

    หลายคนอาจจะนึกไปถึงการกินยา หรือการฉีด แต่จริง ๆ แล้วสารกลูตาไธโอนนั้น ได้มาจากธรรมชาติ อาหารที่เรารับประทานอยู่ทุกวัน ไม่ว่าจะเป็น นม, ไข่, เนื้อสัตว์อย่างปลา ผักผลไม้อย่าง มะเขือเทศ, ผักบลอคโคลี, หน่อไม้ผรั่ง, ผักโขม, สตอเบอรี่, ส้ม หรือเม็ดถั่วอย่างวอลนัท ต่างมีสาร กลูตาไธโอนอยู่ในตัว นอกจากนี้ร่างกายเราก็สามารถสร้างกลูตาไธโอนได้ โดยมีสารหลายชนิดมาประกอบ ได้แก่ Alpha lipoic acid, Glutamine3, Methionine, Whey Protein, Vitamin B-6, Vitamin B-2, Vitamin C และ Selenium

กลูตาไธโอนทำให้ผิวขาวได้จริงหรือ

    สารกลูตาไธโอนมีส่วนช่วยให้ผิวขาวได้จริง โดยกลูตาไธโอนจะไปยับยั้งเอนไซม์ไทโรซิเนส ซึ่งเป็นตัวการสร้างยูเมลานิน (เมลานินสีคล้ำ) และไปกระตุ้นการสร้างฟีโอเมลานิน (สีอ่อนขาวชมพู) ให้มากขึ้น ดังนั้นจึงถือได้ว่า กระบวนการดังกล่าวเป็นการช่วยผลัดเซลล์ผิว และเป็นการซ่อมแซมผิวหนังเมื่อมีการสร้างเม็ดสีขึ้นมากกว่าปกติ ลองสังเกตคนผิวขาวที่ออกแดด ผิวจะคล้ำขึ้น แต่ในระยะเวลาไม่นานสีผิวที่เคยคล้ำก็สามารถกลับมาเป็นปกติได้เหมือนเดิม เนื่องด้วยกระบวนการดังกล่าวนั่นเอง

กลูตาไธโอน สุขภาพดี ชีวิตยืนยาว

    กลูตาไธโอน ไม่ได้มีประโยชน์ในแง่ของการสร้างความขาวให้ผิวเราเท่านั้น แต่มีส่วนทำให้กระบวนการทำงานในระบบอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกายเราทำงานได้ดีขึ้น คุณสมบัติหลัก ๆ ของกลูตาไธโอน มีส่วนในการป้องการการเกิดปฏิกิริยาออกซิเจน (ออกซิเดชั่น) ระหว่างการย่อยสลาย และเมื่อกลูตาไธโอนทำงานร่วมกับวิตามินซี จะทำให้ร่างกายดูดซึมสารได้ดียิ่งขึ้น นำไปช่วยในกระบวนการซ่อมแซม ฟื้นฟู ร่างกายในส่วนต่าง ๆ ถือได้ว่าเป็นสารต้านอนุมูลอิสระชั้นยอดอีกหนึ่งชนิด ดังนั้นการรับประทานอาหารที่มีสารกลูตาไธโอนอยู่เสมอ จะช่วยป้องกับความเสื่อมของเซลล์ในร่างกาย ลดโอกาสการเกิดโรคต่าง ๆ ทั้งโรคมะเร็ง โรคหัวใจ ข้ออักเสบ โรคไต โรคตับ เป็นต้น

    นอกจากนี้สารกลูตาไธโอน ยังมีประโยชน์ในทางการแพทย์ ช่วยในการรักษาโรคเกี่ยวกับเส้นประสาทบกพร่อง อย่างโรคพาร์กินสัน หรือโรคอัลไซเมอร์ หรือในบางรายที่มีปัญหาการขาดกลูตาไธโอน แพทย์อาจให้เสริมเพื่อช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายได้
จำเป็นต้องเสริมกลูตาไธโอนหรือไม่

    ไม่ว่าจะกินหรือจะฉีด ก็ไม่ได้ช่วยให้ผิวขาวขึ้น หรือทำให้สุขภาพดีขึ้นอย่างชัดเจน โดยเฉพาะการฉีดให้ผิวขาวนั้น ยังไม่มีผลการยืนยันที่แน่นอน และมีความเสี่ยงสูง การทานก็เช่นเดียวกัน กลูตาไธโอนที่ผลิตขึ้นเป็นเม็ดแคปซูล ไม่สามารถย่อยและดูดซึมในกระเพาะได้ ดังนั้น การรับประทานจึงไม่มีประโยชน์ใด ๆ เลย ร่างกายจะสามารถใช้ประโยชน์จากการกลูตาไธโอนก็ต่อเมื่อมีการย่อยอาหารและ สังเคราะห์สารนี้ขึ้นมาในร่างกายเราเองเท่านั้น

    แต่ถ้าอยากผิวขาวสุขภาพดีจริง ๆ เพียงแค่เราตั้งใจดูแลตัวเอง รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ทานผักผลไม้มาก ๆ และหลากหลาย หลีกเลี่ยงปัจจัยที่อาจก่อสารพิษให้กับร่างกายเราอย่าง เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ บุหรี่ ยาเสพติดต่าง ๆ ที่อาจทำลายเซลล์ในร่างกายของเรา และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ นอกจากผิวจะขาวสวยใสสมใจแล้ว สุขภาพกายดี สุขภาพจิตก็ดีด้วย

ผิวขาว ใส ได้ง่ายๆๆ กันแล้ว จ๊

    เคล็ดลับผิวขาวใส นั้นไม่ยากเลยค่ะ แต่ จำเป็นต้องดูแลกันตั้งแต่ช่วงวัยรุ่นเลยค่ะ  ถึงแม้ผิวเราอาจจะไม่มีปัญหาอะไร  แต่การละเลยไป มันเลยสะสมมาจนถึงตอนเราโตนั้นเองจร้า  ทั้งริ้วรอย หรือ ผิวหมองคล้ำ ต่างๆนาๆ  วันนี้เลยมีเคล็ดลับง่ายๆๆ ที่ช่วยให้ผิวใส มาฝากค่ะ



1.ครีมกันแดด ควรทาครีมกันแดดก่อนออกจากบ้านให้ติดเป็นนิสัยนะจ๊ะ เพราะแสงแดดมีรังสีอัลตราไวโอเลต ทำให้ผิวเราเสื่อมได้มากถึง 80%เชียวนะ ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้ผิวขาวใสของเราเกิดริ้วรอย และเหยี่ยวย่นค่ะ
2.ท่านอน การนอนของคนเราอย่างน้อยต้องใช้เวลาถึง 6-8 ชั่วโมงต่อวัน สำหรับคนที่ชอบนอนซุกหน้ากับหมอนจะทำให้ด้านที่ตะแคงเข้าหาหมอนเกิดริ้วรอย มากกว่าอีกด้านนึงค่ะ เพราะฉะนั้นเราควรเปลี่ยนท่านอนมาเป็น ท่านอนหงายหรือเลือกใช้หมอนที่อ่อนนุ่ม และเลือกปลอกหมอนที่มีเนื้อผ้าลื่นๆ เช่น ผ้าซาติน เพื่อแก้ปัญหาตรงจุดนี้ และหน้าขาวใสของเราก็จะปราศจากริ้วรอยค่ะ
3. อาหาร ผิวขาวใสมาจากอาหารที่ดี มีประโยชน์ ครบหมดหมู่นะจ๊ะ โดยเฉพาะวิตามินที่ช่วยชะลอการเสื่อมของเซลล์ผิว ได้แก่ วิตามินเอ ซี และอีค่ะ อย่างเช่น ผักสดและผลไม้สดค่ะ และเมื่อทานอาหารที่มีประโยชน์แล้ว อย่าลืมดื่นน้ำให้มากๆประมาณ 6-8แก้วต่อวันนะค่ะ เพื่อเพิ่มความชุ่มชื่น สดใสให้แก่ผิวค่ะ
4. พักผ่อน ต้องรู้จักการพักผ่อนให้เพียงพอค่ะ เพราะผิวขาวใสของเรานั้นจะมีได้ ต้องเริ่มมาจากสุขภาพที่ดีนะจ๊ะ ถ้าเราสุขภาพดี แข็งแรง ผิวพรรณของเราก็จะสวย สดใสตามไปด้วยค่ะ
5. ผ่อนคลาย ความเครียดเป็นบ่อเกิดของใบหน้าหมองคล้ำ ริ้วรอย สิว และอื่นๆนะจ๊ะ เพราะฉะนั้น เราควรหาวิธีผ่อนคลายความเครียดบาง อย่างเช่น การนั่งสมาธิ การฟังเพลง เดินเล่น เป็นต้น ก็ช่วยลดความเครียดได้ค่ะ
นี่คือ 5 วิธีง่ายๆเพื่อผิวขาวใสที่คุณก็สามารถทำได้ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนนะจ๊ะ
Tips:
  • การทาครีมกันแดด ควรเลือก SPF ให้เหมาะสมกับการใช้งานและสภาพผิวนะจ๊ะ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพอย่างสูงสุดค่ะ
  • เมื่อต้องออกแดด หรืออยู่กลางแจ้ง ควรสวมหมวก สวมเสื้อผ้า หรือหาเครื่องปกป้องผิวขาวใสบ้างนะจ๊ะ เพื่อไม่ให้ผิวขาวใสกระทบกับแสงแดดโดยตรง
  • ขณะขับรถ หรือเดินทางในที่แดดจ้า ควรสวมแว่นตากันแดดนะค่ะ เพราะถ้าคุณไม่สวมแว่นตากันแดด จะทำให้เราหยีตาโดยที่เราไม่รู้ตัว ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดริ้วรอยค่ะ
  • สดใสตลอดเวลา ถ้าเราสดใส สดชื่นตลอดเวลา จะทำให้เราเลิกทำหน้านิ่วคิ้วยุ่งๆตลอดเวลา และทำให้ผิวขาวใสของเราดูน่ามองมากขึ้นค่ะ
  • งดการสูบบุหรี่และ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ด้วยนะจ๊ะ เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นตัวการสำคัญในการทำลายผิวหนังให้เสื่อมก่อนวัยอันควร ค่ะ
  • การอดนอนบ่อยๆ จะทำให้ใบหน้าดูหมองคล้ำ อิดโรย ไม่สดใส และเกิดริ้วรอยก่อนวันอันควรค่ะ

ใหม่ กลูต้าแบบ อม

                    WoW wwww ...... ข่าวดีสำหรับสาวๆ ที่อยาก ผิว ขาว ค่ะ
  

      7-Catalog ขอแนะนำสินค้าไฮไลท์ประจำเซเว่น แคตตาล็อก เล่มล่าสุด (ม.ค. – ก.พ. 2553) กลูตา-ซี (Gluta-C) ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารในรูปเม็ดอมที่ละลายในปาก ประกอบด้วย กลูตาไธโอน วิตามินซี และโคเอ็นไซม์ Q10 เหมาะกับผู้ใช้ทุกวัยที่กังวลเรื่องปัญหาผิวหมองคล้ำ ช่วยให้ผิวดูมีสุขภาพดี เนียนขาวกระจ่างใส และทำให้เซลล์ผิวมีความทนทานต่อแสงแดดได้ดีขึ้น โดยได้สาวสวย “จอย-รินลณี ศรีเพ็ญ” พิธีกรและนักแสดงชื่อดังมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ วางจำหน่ายเฉพาะที่เซเว่น แคตตาล็อก และที่แคตตาล็อก ออน เชลฟ์ ในร้านเซเว่น อีเลฟเว่น ทั่วประเทศ พิเศษเฉพาะช่วงแนะนำวันนี้ถึง 28 กุมภาพันธ์ 2553 จำหน่ายแบบแพ็คคู่ ราคาเพียง 179 บาท (4 เม็ด / 1 แพ็ค)

      แต่ยังไงก้อตาม สารพวกนี้ล้วนแต่มีอันตรายด้วยกันทั้งนั้น ก้อขอหัยเพื่อนบริโภคอย่างระมัดระวังด้วยนะค่ะ ที่สำคัญทาง ผัก ผลไม้ ดี แท้แน่นอน ไม่เป็นอันตราย ชัวร์ !!!!

วันศุกร์ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2554

มารู้จัก กลูต้า กัน ดีกว่า .......

        




       สวัสดีค่ะ เพื่อนๆๆ เนื่องจากเราก้อเป็นคนนึงที่รักสวยรักงาม เลยขออัพเดทข่าวสาร เรื่องความสวยความงาม มาฝากเพื่อนจร้า าา  ^^  และปัจจุบัน คงพลาดไม่ได้ และฮิตติดตลาดกันข้ามปีก้อคือ "กลูต้าไธโอน"     
         สารกลูตาไธโอน เป็นสารที่เซลล์ในร่างกายเราสามารถสังเคราะห์ขึ้นได้เอง มีคุณสมบัติเป็นโปรตีนชนิดหนึ่ง มีหน้าที่ปกป้องเนื้อเยื่อของอวัยวะทุกส่วนโดยการต่อต้านอนุมูลอิสระที่ สะสมอยู่ตามส่วนต่างๆ และกระตุ้นภูมิคุ้มกันของร่างกาย ที่สำคัญยังช่วยตับในการทำลายและขจัดสารพิษออกจากร่างกาย เช่น ตัวยาหรือสารพิษที่ไม่ละลายน้ำ เมื่อรวมตัวกับสารกลูตาไธโอน จะช่วยให้ละลายน้ำได้และถูกกำจัดออกจากร่างกายได้ในที่สุด สารพิษจำพวกโลหะหนักหรือสารกำจัดแมลง สามารถถูกขจัดออกจากร่างกายได้โดยการทำงานของกลูตาไธโอนร่วมกับตับ 
          สารกลูต้าไธโอนยังมีหน้าที่สำคัญอีกมากมายในร่างกาย เช่น สังเคราะห์โปรตีน ช่วยให้เม็ดเลือดแดงมีความแข็งแรง ช่วยเร่งการซึมผ่านของสารอาหารเข้าสู่เซลล์ ช่วยปกป้องดีเอ็นเอของเซลล์ไม่ให้ถูกทำลาย ซึ่งเป็นการป้องกันการเกิดมะเร็งนั่นเอง 

Glutathione (กลูต้าไทโอน) เป็นสารประเภท Tripeptide ที่ประกอบด้วยกรดอะมิโน 3 ชนิด ได้แก่ Cysteine, Glycine และ Glutamic acid หน้าที่หลักของสารตัวนี่ที่เด่นมีอยู่ 3 ประการ คือ

1. Detoxification : กลูต้าไทโอนช่วยสร้างเอ็นไซม์ชนิดต่าง ๆ ในร่างกายโดยเฉพาะ Glutathion-S-transferase ที่ช่วยในการกำจัดพิษออกจากร่างกายโดยไปเปลี่ยนสารพิษชนิดไม่ละลายในน้ำ (ละลายในน้ำมัน) เช่น พวกโลหะหนัก สารระเหย ยาฆ่าแมลง แม้แต่ยาบางชนิด ให้เป็นสารที่ละลายน้ำได้ดีขึ้นและง่ายต่อการกำจัดออกจากร่างกาย นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันตับ1 จากการถูกทำลายโดย แอลกอฮอล์ (สุรา) สารพิษจากบุหรี่ ยาพาราเซตามอลเกินขนาด (Overdose) ฯลฯ

2. Antioxidant : กลูต้าไทโอนมีคุณสมบัติเป็นสารต้านปฏิกิริยาอ๊อกซิเดชั่น (Antioxidant) ที่มีความสำคัญตัวหนึ่งในร่างกาย และหากขาดไป วิตามินซีและอี อาจจะทำงานได้ไม่เต็มที่

3. Immune Enhancer : ช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันในร่างกาย2 โดยกระตุ้นการทำงานของเอ็นไซม์หลายชนิดเพื่อให้ร่างกายต่อต้านสิ่งแปลกปลอม รวมถึงเชื้อแบคทีเรียและไวรัส นอกจากนี้กลูตาไทโอน ยังช่วยสร้างและซ่อมแซม DNA สร้างโปรตีนและ protaglandin 
          โดยสรุปสารกลูต้าไธโอน จึงเป็นสารต้านอนุมูลอิสระในร่างกายที่มีกำลังสูงเมื่อเปรียบเทียบกับ วิตามินซีหรือวิตามินอี เมื่ออายุคนเรามากขึ้นปริมาณกลูตาไธโอนในร่างกายจะลดน้อยลง มีผลทำให้เซลล์และอวัยวะทุกส่วนเสื่อมโทรมลง ในทางตรงกันข้าม นักวิจัยพบว่าผู้ที่มีอายุยืนยาวและมีสุขภาพแข็งแรง มักจะตรวจพบสารกลูตาไธโอนปริมาณสูงในกระแสเลือด 

ประโยชน์ทางการแพทย์จากสารกลูต้าไธโอน


ในวงการของอาหารเสริม มีการนำสารกลูต้าไธโอนมา ทำเป็นยาเม็ดในขนาดความแรงต่างๆ กัน เพื่อใช้ในการรับประทานเป็นอาหารเสริม โดยหวังผลว่า จะสามารถเสริมและทดแทนปริมาณกลูตาไธโอนที่ร่างกายมีไม่พอหรือบกพร่องไป อันเนื่องมาจากสาเหตุของโรคต่างๆ 

          จากการรวบรวมข้อมูลพบว่า สารกลูตาไธโอนจะไม่สามารถถูกดูดซึมจากกระเพาะอาหารได้ เพราะจะถูกย่อยสลายและขับออกทางลำไส้ ดังนั้นการรับประทานยาเม็ดกลูต้าไธโอนจึงไม่ได้รับประโยชน์เลย ไม่ว่าจะกินครั้งละหลายๆ เม็ดหรือในขนาดที่สูงมากๆ ก็ตาม

กลูต้าไธโอนช่วยให้ผิวขาวได้จริงหรือ?  






          ตามที่ได้กล่าวไปข้างต้น อาการข้างเคียงอันไม่พึงประสงค์ของการใช้ยากลูต้าไธโอนคือ การยับยั้งการสร้างเซลล์เม็ดสีให้ผิวหนัง รวมทั้งการเปลี่ยนเม็ดสีที่สร้างขึ้นจากสีน้ำตาลดำเป็นเม็ดสีชมพูขาว จึงมีการคิดนำเอาสารชนิดนี้มาใช้เป็นอาหารเสริมโดยหวังว่า จะสามารถเสริมและเพิ่มความเข้มข้นของกลูต้าไธโอนใน กระแสเลือดให้มากๆ เพื่อหวังผลให้ผิวหน้าขาวอมชมพู แต่ในความเป็นจริงยาเม็ดที่เป็นอาหารเสริมนั้น ทานมากเท่าไหร่ก็จะไม่ได้ผล เพราะสารชนิดนี้จะถูกย่อยสลายและกำจัดออกจากร่างกาย ไม่ถูกดูดซึม แพทย์หลายสำนักจึงได้มีการดัดแปลงโดยทำการฉีดเข้าเส้นหรือเข้ากล้ามเนื้อ เช่นเดียวกับการรักษาโรคต่างๆ อย่างไรก็ตามอาการข้างเคียงของผิวขาวเป็นอาการชั่วคราวเท่านั้น จึงไม่ควรใช้ยานี้ในทางที่ผิด

ภาวะที่ร่างกายขาดกลูต้าไธโอน 

          เนื่องจากสารดังกล่าวร่างกายสร้างได้เอง แต่สภาวะที่ร่างกายอาจขาดหรือมีกลูต้าไธโอนไม่เพียงพอ เช่น เมื่อร่างกายมีโรคแทรกซ้อน ทำให้กลูต้าไธโอนลด น้อยลงด้วยสาเหตุการถูกทำลายด้วยยารักษาหรือด้วยตัวโรคเอง หากร่างกายขาดหรือมีกลูตาไธโอนน้อย จะมีผลทำให้เกิดโรคตับอักเสบง่าย ทำให้ตับทำงานได้ไม่เต็มที่ มีโอกาสในการเกิดภาวะแทรกซ้อนของระบบทางเดินหายใจ โรคหืด ผู้ที่มีกรรมพันธุ์เกี่ยวกับความบกพร่องของกลูต้าไธโอนมักจะมีปัญหาโรคแทรกซ้อนทางระบบประสาท ผู้ที่ป่วยด้วยโรคภูมิคุ้มกันบกพร่องหรือโรคเอดส์ ปริมาณกลูต้าไธโอนในระบบเลือดจะต่ำมากๆ ผู้ที่สูบบุหรี่จัดก็เช่นกัน ดังนั้นบุคคลเหล่านี้จะเกิดโรคแทรกซ้อนได้ง่าย

กลูต้าไธโอนในธรรมชาติ 

          พบมากในผลไม้ ได้แก่ แตงโม สตรอเบอรี่ องุ่น ผลอโวกาโด ส่วนในผักพบมากใน หน่อไม้ฝรั่ง สำหรับเนื้อสัตว์จะพบได้ใน ปลา และเนื้อแดง เช่น เนื้อหมู เนื้อวัว จะพบมากใน Asparagus อะโวกาโด และ Walnut ร่างกายเราก็สามารถสร้างกลูต้าไทโอนได้และมีสารหลายชนิดที่ช่วยเพิ่มการ สร้างได้แก่ Alpha lipoic acid, Glutamine3, Methionine, Whey Protein, Vitamin B-6, Vitamin B-2 , Vitamin C4 และ Selenium