วันอาทิตย์ที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2554

ผลการวิจัยออนไลท์ +++


ศูนย์ผิวหนัง มศว ชี้ "กลูตา" ไม่ใช่สารพิษ-ควรทำวิจัยจริงจัง(โดย ผู้จัดการออนไลน์)

รายละเอียด : ผู้อำนวยการศูนย์ผิวหนังมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
ระบุสารกลูต้าไทโอนไม่ใช่สารพิษที่ประชาชนหลายคนเข้าใจตามกระแสข่าวที่เกิดขึ้นในระยะนี้
ทั้งยังเป็นสารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ทำให้ร่างกายเกิดความสมดุล
และยังเป็นตัวขจัดข้อเสียหรือสารพิษที่เข้าสู่ร่างกาย ฝากถึงนักวิจัยที่ทำงานด้านยาหรือการรักษา
หากต้องการใช้ยาประเภทกลูต้าไทโอน ควรจะได้ทำการวิจัยให้จริงจัง

ศ. นพ.ปิติ พลังวชิรา ผู้อำนวยการศูนย์ผิวหนังมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) กล่าวถึงสารกลูตาไทโอน (glutathione) ว่า คนไทยจำนวนไม่น้อยที่รู้สึกไม่ดีกับสารตัวนี้ คนจำนวนมากเข้าใจพิษคิดว่าสารตัวนี้เป็นสารพิษ ซึ่งในความเป็นจริงสารกลูตาไทโอนสารแอนติออกซิเดนซ์ หรือสารที่ต้านอนุมูลอิสระ ร่างกายมนุษย์จะได้รับสารชนิดนี้จากการบริโภคอาหารประเภทโปรตีน ไข่และนม รวมถึงผลไม้ประเภท อะโวคาโด และจะถูกเก็บไว้ที่ตับ

ทั้งนี้ สารกลูตาไทโอนนี้ เป็นสารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายทำให้ร่างกายเกิดความสมดุล โดยเฉพาะเมื่อร่างกายต้องรับสารอนุมูลอิสระเข้าไป สารต้านอนุมูลอิสระก็จะช่วยปรับให้สภาพร่างกายเกิดความสมดุล และยังเป็นตัวขจัดข้อเสีย หรือสารพิษที่เข้าสู่ร่างกาย ตั้งแต่สารปรอท ยาฆ่าแมลง หรือยาบางชนิดที่เราต้องกินเข้าไป และเหลือตกค้าง ตับจะทำหน้าที่ขับสารพิษออกมาโดยสารกลูต้าไทโอนมีบทบาทสำคัญ

ดังนั้น จึงอยากทำความเข้าใจว่า ยาที่มีส่วนส่วนประกอบของกลูตาไทโอนไม่ได้น่ากลัว ยาที่อยู่ในกลุ่มของยากินนั้นในต่างประเทศมีขายอยู่ตามร้านขายยาทั่วๆ ไป ในเมืองไทยสารกลูตาไทยโอนอยู่ในผลิตภัณฑ์เสริมสุขภาพ แต่ยาที่อยู่ในรูปของการฉีด เพื่อรักษาฝ้านั้นในเมืองไทยยังไม่มีการวิจัย จึงอยากฝากถึงนักวิจัยที่ทำงานด้านยาหรือการรักษา หากต้องการใช้ยาประเภทกลูต้าไทยโอน ควรจะได้ทำการวิจัยให้จริงจัง

“ ระดับกลูตาไทโอนของคนที่ป่วยด้วยโรคบางชนิด เช่น โรคทางสมอง อย่างพากินซัน โรคหัวใจบางชนิดหรือบางคนกินยาแก้ปวดอย่างพาราเซตามอลบ่อยๆ ความเครียด หรือคนที่ได้รับสารพิษบ่อยๆ ระดับกลูต้าไทโอนจะลดลง การกินยาที่มีสารประเภทกลูต้าไทโอนจะถูกซึมเข้าสู่ร่างกายได้น้อยกว่าการฉีด ซึ่งทำให้ผู้ที่ใช้ยาประเภทนี้นิยมฉีด

และที่สำคัญ ต้องฉีดเข้าเส้นเลือด ซึ่งต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์ที่มีความรู้ความชำนาญ นอกจากฉีดเข้าเส้นแล้วยังสามารถฉีดเข้ากล้ามเนื้อหรือใช้สูดดมได้อีกด้วย ขึ้นอยู่กับโรคในแต่ละโรคว่าเหมาะกับการใช้ยาชนิดนี้ด้วยวิธีการไหน

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยากลูตาไทโอนที่ใช้ในการรักษาฝ้านั้น ยังถือว่าผิดกฎหมาย
เพราะการนำเข้ายาประเภทนี้เข้ามายังไม่ได้ขึ้นทะเบียน อย.
และหากจะใช้ยาชนิดนี้เพื่อรักษาฝ้าควรจะนำเข้ามาให้ถูกกฎหมายและขึ้นทะเบียนยาให้ถูกต้องด้วย
ถ้าต้องนำมาใช้ในการรักษาฝ้าควรจะมีการค้นคว้าวิจัย
ซึ่งคนที่เป็นฝ้าจำนวนมากพอใจกับการรักษาด้วยยา กลูต้าไทโอน
เนื่องจากกลูต้าไทโอนจะไปเปลี่ยนยูเมลานินซึ่งเป็นสีผิวที่คล้ำ ให้กลายเป็นฟีโอเมลานิน ซึ่งจะทำให้สีผิวจางหรือขาวขึ้น

แพทย์เตือน!! ฉีดสารหน้าใส กลูตาไธโอน อันตรายถึงเสียชีวิต
ข่าว รายงาน เลขาธิการ อย.เตือนอันตรายยารักษา มะเร็ง หรือสาร กลูตาไธโอน ฉีดเพื่อให้ผิวขาว ทำ สุขภาพ แย่ เสี่ยงช็อคถึงกับเสียชีวิต ยืนยันยามะเร็ง กลูตาไธโอน ยังไม่ได้ขึ้นทะเบียนในประเทศไทย ผอ.สถาบันโรคผิวหนังวอนคนไทยพึงพอใจกับผิวเหลือง ตาสีดำ ชี้มีข้อดีช่วยป้องกัน มะเร็งผิวหนัง

นพ.ศิริวัฒน์ ทิพย์ธราดล  เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กล่าวว่าความนิยมผิวขาวใสของสังคมยุคนี้ ทำให้หนุ่มสาวรุ่นใหม่เสาะแสวงหาสารพัดวิธีที่จะทำให้ผิวขาว หลงเชื่อการโฆษณาอวดอ้างตามสื่อต่างๆ ว่ามียาหรือเครื่องสำอางทำให้หน้าขาวใส แม้กระทั่งการฉีดยารักษาโรคมะเร็งที่มีสารกลูตาไธโอนเข้าเส้นเลือด หวังผลข้างเคียงของยาไปยับยั้งการสร้างเม็ดสีที่ผิวหนัง เพื่อให้ผิวขาว โดย หารู้ไม่ว่า การได้รับสารปริมาณมาก มีอันตรายถึงชีวิต อีกทั้งยาตัวนี้ยังไม่ได้ขึ้นทะเบียนยาตัวนี้ในไทย พบข้อมูลว่า ขึ้นทะเบียนที่ประเทศอิตาลีเพื่อรักษาโรคมะเร็ง ไม่มีสรรพคุณทำให้ผิวขาว
"สารกลูตาไธโอนประกอบด้วยกรดอะมิโนเอซิด3 ชนิด คือ Cysteine Glycine Glutamic acid มี หน้าที่หลักในการช่วยขจัดสารพิษจากร่างกาย ช่วยตับขับสารพิษออกจากร่างกาย โดยเฉพาะสารโลหะหนักจำพวกยาฆ่าแมลงที่ไม่สามารถละลายในน้ำ แต่ละลายในน้ำมัน เป็นสารในช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระทำงานร่วมกับวิตามินซี ช่วยซ่อมแซมดีเอ็นเอในร่างกายที่จะเปลี่ยนแปลงเป็นเซลล์มะเร็ง ยับยั้งการสร้างเม็ดสีชนิดสีเข้ม จึงมีผู้นำผลข้างเคียงของยามาเชิญชวนคนฉีด" นพ.ศิริวัฒน์ กล่าวและว่า หากพบการลักลอบจำหน่าย ถือว่า มีความผิดตาม พ.ร.บ.ยา ฐานโฆษณาเกินจริง มีโทษปรับถึง 100,000 บาท นอกจากนี้ ยังเป็นการขายยาที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียน มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 5,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ด้าน นพ.จิโรจน์ สินธวานนท์ ผู้อำนวยการสถาบันโรคผิวหนัง กรมการแพทย์ กล่าวว่าตาม หลักกลไกการออกฤทธิ์ของยาตัวนี้ คือทำให้เซลล์สร้างเม็ดสีที่ผิวหนังทำงานลดลงทำให้ผิวขาวขึ้นได้ แต่ในทางปฏิบัติยังไม่มีงานวิจัยหรือผลการศึกษาใดๆ มารองรับ ดังนั้น การใช้ยากลูตาไทโอนเพื่อหวังผลข้างเคียงทำให้ผิวขาวจึงไม่สามารถบอกได้ว่า ได้ผลหรือไม่ ระยะยาวจะมีผลเสียอย่างไร ที่สถาบันโรคผิวหนังไม่มีการใช้ยาตัวนี้ ที่ผ่านมามีรายงานทางการแพทย์ว่า ยากลูตาไทโอนชนิดเม็ดใช้ในผู้ป่วยที่มีปัญหาการทำงานของตับ แพทย์สั่งให้รับประทานเพื่อฟื้นฟูสภาพตับทำให้ขับสารพิษได้ดีขึ้น แต่ยังไม่มีรายงานว่า กินแล้วผิวขาว

ตนอยากให้คนไทยมีภูมิคุ้มกันรู้และเท่าทันการโฆษณาอวดอ้าง อีกทั้งอยากให้ยอมรับสภาพผิวเหลือง ตาสีดำ ถือว่าสอดคล้องกับสภาพภูมิอากาศประเทศไทยที่มีแสงแดดจัดตลอดทั้งปี อีกทั้งผิวสีเข้มมีประโยชน์ ช่วยป้องกันมะเร็งผิวหนัง ขอวิงวอนคนไทยพึงพอใจกับสิ่งที่ธรรมชาติให้มา แม้จะเป็นหนุ่มสาวผิวเข้มก็สวยหล่อได้ ขอเพียงให้ผิวนั้น สะอาดเนียนใสตามธรรมชาติ ไม่ใช่หน้าขาวกระดำกระด่างเพราะสารเคมีในยา หรือเครื่องสำอางกัดลอกผิวหน้า

นพ.สมศักดิ์ โล่ห์เลขา นายกแพทยสภา กล่าวว่า กรณีที่มีแพทย์ผิวหนังนำสารกลูตาไธโอนมาฉีดเพื่อให้ผิวขาว ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมขณะนี้ โดยสารดังกล่าวยังไม่มีการขึ้นทะเบียนจาก อย.นั้น ในเรื่องนี้แพทยสภาขอเวลาในการตรวจสอบข้อมูลก่อนว่า สารดังกล่าวมีการนำมาใช้ในไทยหรือไม่ และต่างประเทศใช้ในลักษณะใด หรือมีการตีพิมพ์ผลการใช้ในวารสารทางการแพทย์อย่างไร นอกจากนี้ แพทยสภายังต้องสอบถามไปยังราชวิทยาลัยที่เกี่ยวข้องเพื่อขอความเห็นเกี่ยว กับเรื่องนี้ ซึ่งคงไม่สามารถให้คำตอบในทันทีว่าจะดำเนินการอย่างไร เพื่อ ความเป็นธรรม ปัจจุบันต้องยอมรับว่า มียาหลายชนิดที่แพทย์นำผลข้างเคียงมาใช้กับผู้ป่วย เช่น ยาแก้แพ้ ก็มีการสั่งนำมาใช้กับผู้ป่วยที่มีอาการคันตามร่างกาย เพื่อให้นอนหลับไปและไม่คัน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น